หน้าหลัก | พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | มจธ.
สืบค้นข้อมูล

Title ตากสิน มหาราชชาตินักรบ
Object ตากสิน มหาราชชาตินักรบ Call number PN3355 ค-ต 2549
Summary เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ใช้หลักฐานจากบันทึกของชาวฝรั่งเศสผู้ใช้ชีวิตร่วมสมัยกับพระองค์ ตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยกรุงธนบุรีสะท้อนภาพกรุงศรีอยุธยาก่อนและหลังการเสียอิสระภาพ การกู้อิสระภาพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี บทบาทของชาวต่างชาติในการกู้อิสระภาพ การสั่งซื้ออาวุธยุทโทปกรณ์และการพัฒนาชาติไทย
เริ่มด้วย มาธิว-ชาร์ล เดอ แคร์แอรเว อดีตนายร้อยเอกราชขององครักษ์พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 กระทำความผิดร้ายแรงจึงต้องเนรเทศตัวเองไปอยู่กับพี่ชายที่เป็นบาทหลวงมิชชันนารีในกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ มาธิวได้มาทำงานกับชวง ฟอลคอลทายาทของตระกูลฟอลคอล ผู้เป็นเพื่อนกับสินนายทหารหนุ่มลูกครึ่งจีน มาธิวจึงได้รู้จักคุ้นเคยกับสินไปด้วย ต่อมาสินได้เป็นเจ้าเมืองตากและชักชวนมาธิวมาเป็นทหารของตน ต่อมาไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า มาธิวก็ได้ร่วมมือกับพระยาตากในการรวบรวมไพร่พลและฝึกซ้อมทหารกลับมากู้ราชธานีคืน มาธิวได้มีโอกาสต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพระยาตาก พร้อมกับทหารที่เป็นกำลังสำคัญ ได้แก่ ด้วง บุญมา บุญนาค และทองดี มาธิวจึงได้กลายมาเป็นสหายสนิทกันในเวลาต่อมา เมื่อพระยาตากกู้อิสรภาพจากพม่าได้สำเร็จ ปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ และตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีต้องปราบปรามทั้งทัพพม่า ชุมนุมต่าง ๆ ทำให้มาธิว ซึ่งตามเสด็จไปรบยังที่ต่าง ๆ ได้ประจักษ์และรู้สึกประทับใจในบุญญาธิการของพระองค์ จึงได้เข้าพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา รับราชกาลถวายด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมาแม้จะสังเกตเห็นว่าพระองค์เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย พระอารมณ์แปรปรวนจนถึงขั้นพระเสียวจริตในที่สุด สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงไว้พระทัยในตัวมาธิว โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นทหารรักษาพระองค์ เนื่องจากไม่ไว้วางพระทัยคนไทย แต่เมื่อฝูงชนกรูกันเข้าจับสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทหารรักษาพระองค์ทีมีจำนวนน้อยก็ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ พระองค์จึงถูกจับและถูกสำเร็จโทษในที่สุด ส่วนมาธิวได้รับการไว้ชีวิต แต่เขาก็หมดกำลังใจที่จะอยู่ในสยามต่อไปจึงตัดสินใจเดินทางไปประกอบการค้าที่ปีนัง และกลับคืนสู่ฝรั่งเศสในบั้นปลายชีวิต

ที่มา :
คีฟ-ฟอกซ์, แคล์. ตากสินมหาราชชาตินักรบ.กรุงเทพ ฯ : นามมีบุคส์พับลิเคชั่นส์, 2549.