Search
พรรณไม้
- เหง้าน้ำทิพย์
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : เหง้าน้ำทิพย์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Agapetes saxicola Craib
วงศ์ : ERICACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย พบในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขึ้นตามป่าดิบเขา และที่โปร่ง สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200-1,500 เมตร ออกดอก ช่วงเดือนธันวาคม-พฤษภาคม ติดผลเดือนกันยายน-พฤศจิกายน
ลักษณะ : ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 1.5 เมตร รากสะสมอาหารอวบบวม เป็นก้อนขนาดใหญ่ ใบ เดี่ยว รูปไข่กลับหรือรูปหอกกลับ ปลายใบมนหรือแหลม ฐานใบรูปลิ่ม ดอก สีขาวหรือขาวแกมชมพูอ่อน ออกเป็นช่อจากซอกใบ หรือ ปลายยอด กลีบรองดอกรูปถ้วยแคบ ปลายแยก 5 แฉก ผิวด้านนอกมีขนต่อม กลีบดอกรูประฆัง ปลายกลีบแยก 5 แฉก ม้วนออกทางด้านนอก เกสรผู้ 10 อัน ผิวเกลี้ยงหรือมีขนประปราย มีกลีบรองดอกติดคงทน เมล็ดแบนรูปไข่แกมรี มีขนาดเล็ก
ที่มาข้อมูล : http://www.thaibiodiversity.org/Life/LifeDetail.aspx?LifeID=761
ที่มาภาพ : http://www.phuhinrongkla.in.th/imaj/plant,flora/new/p-08.gif
- พลับพลึงธาร
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : พลับพลึงธาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crinum thaianum
วงศ์ : AMARYLLIDACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย พบเฉพาะทางภาคใต้ตอนบน บริเวณ จ. พังงา (คลองตำหนัง, คลองนางยวน บ้านน้ำพรุ บ้านตำหนัก บ้านห้วยซับ อ. คุระบุรี) และ จ. ระนอง (บ้านนาคา) พบทั่วไปในลำธารน้ำใส มีน้ำไหลและเปิดโล่ง ความลึกไม่เกิน 2 เมตร
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก อาศัยอยู่ใต้น้ำที่ไหล มีหัวใต้ดิน มีรากลึก ใบออกเป็นวงรอบแทงขึ้นเหนือท้องน้ำ รูปแถบยาว มีประมาณ 20 หรือมากกว่า สีเขียวอ่อน เนื้อใบเหนียวและนุ่ม มีเส้นใบตามยาวจำนวนมาก ขอบใบหยักซีฟันเล็กน้อย ช่อดอกรูปร่ม มีกาบหุ้มช่อดอกสีแดง ก้านช่ออวบหนา ยาวถึง 80 เซนติเมตร สีเขียวแกมม่วง ดอกย่อย 5-8 ดอก บานทีละ 1-3 ดอก หลอดกลีบรวมสีขาวเขียว ปลายแยก 6 แฉก รูปแถบถึงรูปหอก สีขาว
ที่มาข้อมูล : “ชุมชนนาคา ร่วมใจอนุรักษ์ “พลับพลึงธาร” ราชินีแห่งสายน้ำแหล่งสุดท้ายในประเทศไทย,” ประชาคมท้องถิ่น 11 January 2012 No. 131 หน้า 17-26.
: http://th.wikipedia.org
ที่มาภาพ : http://www.baanpud.net/forum/richedit/upload/2k98ecfba773.jpg
- ดอกเข้าพรรษาขาว
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : ดอกเข้าพรรษาขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Smithatris supraneeana W.J. Kress & K. Larsen
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชสกุลใหม่และชนิดใหม่ของโลก และเป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบเฉพาะตามเขาหินปูนที่ชื้น แถบ จ.สระบุรี ระดับความสูง 100-200 เมตร ชื่อสกุลตั้งเป็นเกียรติแก่ Ms. Rosemery Smith แห่งสวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอระ ที่ศึกษาพืชวงศ์ขิงข่ามายาวนาน ส่วนคำระบุชนิดตั้งเป็นเกียรติแก่ คุณสุปราณี คงพิชญานนท์ ผู้ส่งออกต้นไม้ชาวไทย เป็นผู้แนะนำและส่งตัวอย่างให้ผู้วิจัย มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพืชในสกุล Curcuma และ Hitchenia
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง 50-150 เซนติเมตร มีเหง้าใต้ดิน ใบเรียงสลับรอบลำต้น มี 5-7 ใบ โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ปลายใบแหลม ช่อดอกออกที่ยอด ดอกเรียงเป็นวงแน่นรอบช่อ บนใบประดับเรียงซ้อนเหลื่อม ปลายโค้งออก แต่ละใบประดับมีดอกเดียว ผิวเรียบ สีครีม ลักษณะสำคัญของสกุลคือมีหลอดกลีบดอกเรียวแคบ กลีบปากแยก 2 แฉก พับงอกลับ ดอกบานช่วงหน้าฝนโดยเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา
ที่มาข้อมูล : http://web3.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%B4%CD%A1%E0%A2%E9%D2%BE%C3%C3%C9%D2&typeword=group
ที่มาภาพ : http://www.siamensis.org/sites/default/files/u75/g_k2.jpg
- เห็ดรังนก
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : เห็ดรังนก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cyathus striatus
วงศ์ : NIDULARIACEAE
ค้นพบ : ตลอดฤดูฝน ขึ้นเป็นกลุ่มหรือกระจัดกระจายห่างๆ บนกิ่งไม้หรือขอนไม้ผุ ในป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณเกิดดอกเดี่ยวแต่อยู่เป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มพบเป็นจำนวนมาก
ลักษณะ : มีรูปร่างคล้ายถ้วยปากกว้างหรือปากแตร ขอบปากถ้วยมีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ถ้วยสูงจากพื้นประมาณ 1 เซนติเมตร ด้านล่างของขอบถ้วยสอบแคบลงไปเป็นก้านดอกหรือก้นถ้วย ผิวด้านนอกสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมไปด้วยเส้นขนหยาบสั้นๆ ผิวด้านในสีดำหรือเทาอมน้ำตาลหรือสีดำ มีเส้นลายนูนยาวขนานกันจากขอบปาถ้วยลงไปที่โคนก้านดอก ลักษณะสปอร์ มีรูปร่างกลมรี ใส ไม่มีสี ผนังเรียบ
ที่มาข้อมูล : http://ifarm.in.th/index.php?option=com_mtree&task=viewlink&link_id=90&Itemid=162
ที่มาภาพ : http://ifarm.in.th/components/com_mtree/img/listings/m/109.jpg
- รองเท้านารีฝาหอย
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : รองเท้านารีฝาหอย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Paphiopedilum bellatulum
วงศ์ : ORCHIDACEAE
ค้นพบ : เมื่อปี พ.ศ. 2431 พบอยู่ตามภูเขาหินปูน โดยขึ้นอยู่สูง 700-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในป่าดิบภูเขา โดยขึ้นอยู่ตามรอยแตกของหินที่ปกคลุมไปด้วยมอส หรือตามบริเวณป่าไผ่ที่มีการทับถมของใบไผ่ และมีความชื้นสูง ได้ร่มเงาจากต้นไม้ โดยจะได้รับแสงที่ทะลุผ่านตามช่องของใบไม้ และจะได้รับแสงมากขึ้นเมื่อป่ามีการผลัดใบในหน้าหนาว ตามดอยสูงทางภาคเหนือ เช่น ดอยอินทนนท์ และดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่
ลักษณะ : เป็นพุ่มต้นกว้างประมาณ 20-25 เซนติเมตร สูงประมาณ 10 เซนติเมตร ใบกว้าง 2.5-3.5 เซนติเมตร ยาว 15-17 เซนติเมตร ใบด้านบนเป็นลายสีเขียวสลับเขียวอ่อน ใต้ท้องใบมีจุดสีม่วงเข้มกระจายหนาแน่นทั่งใบ มักเจริญเติบโตเป็นกอใหญ่ ออกดอกเดี่ยว ค่อนข้างกลม กว้างประมาณ 3.5-7 เซนติเมตร กลีบบนและกลีบในสีขาวเป็นมัน ค่อนข้างหนา กลีบมีจุดสีม่วง-น้ำตาลขนาดใหญ่กระจายทั่วกลีบ ก้านช่อดอกอ่อน และสั้นขนาด 3-5 เซนติเมตร ออกดอกในช่วง พฤษภาคม – กรกฎาคม
ที่มาข้อมูล : http://www.encyclopediathai.org/Paphiopedilum/bellatulum.htm
ที่มาภาพ : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4c/Paph_bellatulum.jpg/243px-Paph_bellatulum.jpg
- จำปาดิน
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : จำปาดิน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Odontochilus poilanei(Gagnep) Ormerod
วงศ์ : ORCHIDACEAE
ค้นพบ : บนเส้นทางดูนกบริเวณหน่วยฯเด่นหญ้าขัด ดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่
ลักษณะ : กล้วยไม้กินซากเจริญบนดิน ตามเศษซากอินทรียวัตถุ ต้นสูง 12-18 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง สีแดงอมม่วง มีเกล็ดลักษณะเป็นกาบเล็กๆ สีแดงอมม่วงหุ้มเรียงซ้อนกันเป็นจำนวนมาก และมีขนปกคลุม ดอกช่อกระจะมีดอกย่อยมากว่า 10 ดอก ต่อช่อดอกกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ก้านช่อและแกนช่อดอกสีแดงอมม่วงเข้ม มีขนปกคลุม ดอกมีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงรูปไข่ กลีบเลี้ยงคู่ข้างแผ่กางออก มีขนปกคลุมกลีบดอกเชื่อมติดกันกลีบเลี้ยงบนเป็นรูปท้องเรือ รูxแถบเบี้ยว ทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีแดงอมม่วง กลีบปากสีเหลืองเข้ม ตรงโคนกลีบปากสีเหลืองเข้ม ตรงโคนกลีบสีส้ม ออกดอกกรกฎาคม-สิงหาคม
ที่มาข้อมูล : http://www.biogang.net/biodiversity_view.php?menu=biodiversity&uid=3945&id=20206
ที่มาภาพ : http://www.thaiforests.org/forum/picture/1284294631.jpg
- อังกาบเชียงดาว
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : อังกาบเชียงดาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strobilanthes chiangdaoensiss H. Terao
วงศ์ : ACANTHACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย และหาพบได้ยากชนิดหนึ่ง พบขึ้นตามเขาหินปูนที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,050-2,190 เมตร ปัจจุบันมีรายงานการพบเฉพาะดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่ม สูง 1-3.5 เมตร ขึ้นอยู่เป็นกอแน่น แตกกิ่งก้านมาก รอยต่อระหว่างข้อหรือปล้องมักบวมพองและมีขนแข็งปกคลุมประปราย ลำต้นเปราะหักง่าย ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงกันข้ามและสลับตั้งฉาก รูปรี รูปไข่ หรือรูปหัวใจ กว้าง 1.5-4 เซนติเมตร ยาว 2.5-8 เซนติเมตร ปลายใบแหลมจนถึงเรียวแหลม ขอบใบสีม่วงแดงและหยักเป็นฟันเลื่อย โคนใบรูปลิ่ม หลังใบมีปุ่มนูนและมีขนยาวที่ปลายปุ่ม แผ่นใบบางและมีขนสั้นปกคลุม ตามเส้นใบมีขนแข็งยาว ก้านใบสีม่วงแดง ออกดอกเป็นช่อกระจุกสั้นๆตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกสีม่วง หรือสีม่วงคราม ดอกเป็นหลอดรูปกรวยโค้งงอ ปลายแยกเป็น 5 กลีบโค้งมน ออกดอกในราวเดือน พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ที่มาข้อมูล : http://www.magnoliathailand.com
ที่มาภาพ : http://x35.xanga.com/a64d3135c833296441906/o67581500.jpg
- พู่ม่วง
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ: พู่ม่วง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Camcheya Tenuifolia Kerr
วงศ์ : ASTERACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวในประเทศไทย พบขึ้นตามที่ชื้นแฉะบริเวณป่าโปร่ง และบนยอดดอยสูงทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ลักษณะ : เป็นไม้ล้มลุก สูง 50-100 เซนติเมตร กิ่งก้านสูง ลำต้นสีม่วงและมีขนสีน้ำตาลแดงแกมม่วงปกคลุมหนาแน่น ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยและพับงอเข้าหากันเล็กน้อย โคนใบมน ออกดอกเดี่ยวตามปลายยอด ดอกสีม่วง กลีบดอกเป็นฝอยๆ เรียงตัวอัดกันแน่นอยู่บนกลีบเลี้ยงที่เป็นรูปถ้วยโป่งพองสีเขียว ออกดอกในราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
ที่มาข้อมูล : http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?topic=2357.msg168503#msg168503
ที่มาภาพ : http://www.forumkhonbaakpae.com/board/image_upload/663PhuWua%20040.jpg